เมื่อเดือนตุลาคม 2016 ที่ผ่าน ไมโครซอฟต์ได้ประกาศเปิดตัวซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ Dynamics NAV 2017 ซึ่งถือเป็นซอฟต์แวร์สำหรับระบบอีอาร์พี (ERP : Enterprise Resource Planning) ที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
โดยในเวอร์ชั่นนี้ ได้มีการปรับปรุงพัฒนาความสามารถใหม่ๆ รองรับการทำงานร่วมกับบริการคลาวด์ เช่น Office 365 และเน้นไปที่การใช้งานได้ง่าย โดยถือเอาผลตอบรับจากประสบการณ์ของผู้ใช้งานระบบจริงของมาปรับปรุงในลักษณะของ UX (User Experience) โดยสามารถสรุปเป็นหัวข้อหลักได้ดังนี้
มีอะไรใหม่ที่สนใจใน Dynamics NAV 2017
In Office 365 experience
หากองค์กรของคุณมีการใช้งานระบบ Office 365 อยู่แล้ว Dynamics NAV 2017 จะมาพร้อมกับ add-in ที่ทำให้คุณสามารถดำเนินงานตั้งแต่เปิดใบขอเสนอราคาจนกระทั่งเรียกเก็บเงิน ช่วยแจ้งเตือนและส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าจากปฏิทินมาตรฐานที่อยู่ใน Outlook Mail ได้ทันที อีกทั้งการทำงานร่วมกันของ 2 ระบบนี้เป็นไปแบบไม่มีรอยต่อ (seamlessly integrated) สามารถเชื่อมโยงข้อมูลในระบบ เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลผู้จำหน่ายหรือแม้กระทั่งข้อมูลผู้ติดต่อ ผ่านส่วนจัดการของ Office 365 โดยการเข้าสู่ระบบเพียงครั้งเดียว (Single Sign-on) โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเปิดหลายโปรแกรมอีกต่อไป
Embedded Power BI
Power BI เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ธุรกิจที่ฉลาดและทรงพลัง (Business Intelligence) ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ ผู้ใช้งานสามารถสร้างผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบของกราฟหรือรายงานต่างๆ ด้วยตัวเองจาก PowerBI.com และนำมาแสดงผลใน Role Center ของระบบ ได้เลย ยกระดับความปลอดภัยในการเชื่อมต่อสำหรับข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนเพื่อผู้บริหารโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังสามารถเรียกใช้งาน content pack ซึ่งเป็นชุดวิเคราะห์ข้อมูลมาตรฐานสำหรับระบบโดยเฉพาะ ทำให้เริ่มการวิเคราะห์ข้อมูลทำได้ทันที
Enchancing the core application and platform
ช่วยให้การเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ บนคลาวด์ เช่น Office 365, Microsoft Dynamics CRM online, Dynamics 365 หรือ Microsoft Azure ทำได้ง่ายขึ้นด้วยตัวช่วยอัจฉริยะ Assisted Setup Wizard เพื่อลดความยุ่งยากในขั้นตอนการตั้งค่า นอกจากนี้ยังช่วยให้การทำ online catalog ของสินค้าในระบบทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการเพิ่มให้มีคุณลักษณะของสินค้า (Item Attribute) ได้อย่างไม่จำกัด ทั้งยังสามารถนำเอาคุณลักษณะเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไขนการประมวลผล เพื่อนำไปวิเคราะห์ความนิยมในตัวสินค้าได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับปรุงรูปลักษณ์ให้ทำงานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เช่น หน้าจอและปุ่มต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมเมื่อการเข้าใช้งานแบบสัมผัสจากอุปกรณ์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ๆ เช่น แทบเลตหรือสมาร์ทโฟน ได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องพกพาอุปกรณ์หลายอย่าง และสามารถรับรู้ข้อมูลที่เหมาะสมกับตนได้เร็วยิ่งขึ้นจากการกำหนดคุณลักษณะเริ่มต้นของบทบาทในระบบหรือ “Role Tailor” นั่นเอง
Creating new opportunities
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เพิ่มความสามารถของระบบโดยการนำเอาบริการบนคลาวด์ เช่น การพยากรณ์กระแสเงินสด (Cash flow prediction) เพื่อวิเคราะห์สภาพคล่องในแต่ละช่วงเวลา โดยอาศัย Cortana Intelligence ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ในการเรียกใช้การประมวลผลของ Machine Learning บน Microsoft Azure ที่ให้บริการบนคลาวด์ มาช่วยเพิ่มการวิเคราะห์ขั้นสูง (Advance Analytics) จากข้อมูลในระบบ เพื่อช่วยให้การบริหารธุรกิจที่ซับซ้อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วย PowerApps ที่จะทำให้กำแพงของการปรับแต่งระบบบนแต่ละแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น iOS, Android หรือ Windows Mobile นั้นหายไป นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับ Microsoft Flow เพื่อควบคุมกระบวนการไหลของข้อมูลทางธุรกิจ (Business Workflow) เข้าหรือออกจากระบบ โดยที่ไม่ต้องเขียนโปรแกรมใดๆ เพิ่มเติม
Dynamics NAV ยังได้ปรับปรุงการทำงานร่วมกับบริการออนไลน์ต่างๆ ในลักษณะของ E-Document ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น E-Billing, E-Invoice โดยอาศัยเทคโนโลยี ICS (Invoice Capture Services) หรือการแปลงข้อมูลใบแจ้งหนี้หรือใบเสร็จจากภาพถ่ายผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ให้เป็นเอกสารในระบบได้ทันที โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องป้อนข้อมูลเองทั้งหมด
ด้วยแนวคิดของการอนุญาตให้นักพัฒนาสามารถสร้าง Extension มาขยายประสิทธิภาพของระบบ มาพร้อมกับ Extension ยอดนิยมอย่างเช่น Paypal payment gateway และ Quickbook integrator ที่เปิดให้ใช้งานได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย
